จากยอดขาย EV ในปี 2566 ของ 2 แบรนด์จีนน้องใหม่ ทั้ง BYD และ NETA (ทำตลาดเต็มปีเป็นปีแรก) ที่คาดว่าจะทำได้รวมกันเฉียดๆ 50,000 คัน แบ่งเป็นของค่ายแรก 40,000 คัน และค่ายหลังอีกเกือบๆ 10,000 คัน ไม่รวม TESLA ที่นำเข้าจากจีน แต่ไม่เข้าร่วมโครงการ EV 3.0 ของภาครัฐ อีกจำนวนกว่า 10,000 คัน
นั่นหมายความว่า ยอดขายรวมของ 3 ค่ายนี้ ระดับ 6 หมื่นคันในปี 2566 ต้องมีส่วนที่ไปดึงมาจากผู้เล่นเดิมในตลาดรถยนต์นั่งเมืองไทย ทั้งค่ายญี่ปุ่น และค่ายจีนผู้มาก่อนอย่าง MG และ Great Wall Motor สะท้อนผ่านสถานการณ์ 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค.66) ที่ยอดขายร่วงเกือบทุกค่าย เช่น ฮอนด้า ทำได้ 39,695 คัน ลดลง -0.8% มิตซูบิชิ 11,593 คัน ลดลง -20.4% มาสด้า 6,438 คัน ลดลง 58.1% นิสสัน 4,586 คัน ลดลง 47.9% และ ซูซูกิ 7,096 คัน ติดลบ 38.1%
มีเพียงพี่ใหญ่โตโยต้า รอดตัวด้วยตัวเลข 67,435 คัน เพิ่มขึ้น 31.2% ขณะที่สองแบรนด์จีนอย่าง MG กับ Great Wall Motor มี EV ทำตลาดเป็นล่ำเป็นสัน ยอดขายยังเติบโต 18.1% และ 47.2% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ค่ายที่เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เอาไว้ปลายปีนี้ ยังดำเนินการตามแผนเดิม เพียงแต่จะเพิ่มความเข้มข้นในวิธีการแนะนำโปรดักต์ลงสู่ตลาด
โดยโตโยต้า พร้อมส่ง Toyota Yaris Cross บีเอสยูวีขุมพลังไฮบริด ที่เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 5 ตุลาคม 2566 พร้อมด้วย 2 พรีเซ็นเตอร์ “บิวกิ้น พุฒิพงศ์” และ “อิ้งค์ วรันธร” ศิลปินชื่อดัง ที่จะเข้ามาช่วยสื่อสารกับคนรุ่นใหม่
Toyota Yaris Cross แบ่งการขายเป็น 3 รุ่นย่อย Smart 7.89 แสนบาท Premium 8.49 แสนบาท Premium luxury 8.99 แสนบาท
ขณะที่ All new Honda Accord เตรียมเปิดตัววันที่ 17 ตุลาคม 2566 แบ่งการขายเป็น 3 รุ่นย่อย ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฮบริด e:HEV ทั้งหมด ซึ่งฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย แจ้งราคาคร่าวๆ ในแต่ละรุ่นย่อยว่า รุ่น RS ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท รุ่น EL ราคาไม่เกิน 1.67 ล้านบาท และรุ่นเริ่มต้น E ไม่เกิน 1.53 ล้านบาท พร้อมเปิดให้พรีบุกกิ้ง ตั้งแต่วันที่ 1 – 16 ตุลาคม 2566 โดยลูกค้าล็อตแรกนี้ จะได้รับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท (รับรถตามเวลาที่กำหนด)
การเปิดตัว All new Honda Accord จะมีขึ้นที่ห้างสยามพารากอน แต่จะมี LIVE ถ่ายทอดสดออนไลน์ทางออฟฟิเชียลแอคเคานต์ “Honda Thailand” ใน Facebook และ YouTube ตั้งแต่เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน ยังคลอดแคมเปญส่งเสริมการขาย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 – 31 มกราคม 2567 โดยลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ฮอนด้า มีสิทธิ์ลุ้นรับบัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท หรือ 10,000 บาท และต่อที่ 2 ลุ้นรางวัลใหญ่ รวม 30 รางวัล ได้แก่ รถยนต์ฮอนด้าในไลน์อัปเอสยูวี 4 รุ่น จำนวน 10 คัน และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า จีออโน่ พลัส (GIORNO+) รุ่น ABS จำนวน 20 คัน รวมรางวัลทั้งสิ้น 3,030 รางวัล มูลค่ากว่า 52 ล้านบาท
ขณะที่ มิตซูบิชิ มาสด้า นิสสัน ซูซูกิ ยังไม่มีรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ระดับโมเดลเชนจ์ หรือ ไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัว แต่พยายามอัดโปรโมชันสู้เช่นกัน
อย่าง Mazda CX-3 เพิ่งเพิ่มออพชันใหม่ และลดราคารุ่นเริ่มต้น Base ลง 16,000 บาท เหลือ 770,000 บาท พร้อมข้อเสนอทางการเงิน ดอกเบี้ย ดอกเบี้ย 1.19% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ส่วน Mazda CX-30 ดอกเบี้ย 0.49% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
Nissan Kicks มีดอกเบี้ย1.39% (ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน) หรือเลือกดาวน์เริ่มต้น 19,999 บาท ผ่อน 84 เดือน แถมประกันภัยชั้นหนึ่ง แพกเกจการรับประกัน และฟรีค่าแรง 5 ปีในการนำรถเข้าไปตรวจเช็คระยะ
ด้านซูซูกิ จัดแคมเปญ TRIPPLE BONUS DEAL ยาวไปถึงสิ้นปี ด้วยการช่วยผ่อนเดือนละ 1,500 บาท นาน 2 ปี หรือ เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่ง 50,000 บาท (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ) หรือรับดอกเบี้ย 0% และส่วนลดเพิ่มเติมอีก 15,000 บาท สำหรับข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร พร้อมแถมประกันภัยชั้นหนึ่ง