ล่าสุดเอ็มจีเติมความสดใหม่กับรุ่นฉลอง 10 ปี การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวรุ่น “MG5 10th Anniversary Special Edition” โดยมาพร้อมตัวถังสีใหม่ “Crayon Grey” พร้อมกับคุมโทนการตกแต่งทั้งภายนอกและภายในแบบ “โมโนโครม” ราคา 589,900 บาท
ก็ถือเป็นรถอีกคันที่น่าใช้ ถ้ามองกันที่การซื้อมาเป็นรถใช้งาน ราคาไม่แรง แต่ได้ความสะดวกสบายในห้องโดยสารระดับ ซี-เซ็กเมนต์ พื้นที่กว้างขวาง เบาะหลังมีพื้นที่วางเท้า พื้นที่ว่างช่วงเข่าเหลือๆ และยังมีช่องแอร์และช่องเชื่อมต่อยูเอสบีให้สำหรับเบาะหลังอีกด้วย
MG5 10th Anniversary Special Edition นอกจากสีใหม่ ที่ดูเย็นตาสบายดี ก็ยังจุดพิเศษอื่นๆ โดยแปะโลโก้ 10th Anniversary ที่ฝากระโปรงท้าย รวมถึงที่ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ตัวถังภายนอกเลือกใช้วัสดุสีดำล้อไปกับตัวถังสีเทารอบคัน คือ กระจกมองข้าง มือจับประตูโล โก้เอ็มจี และชื่อรุ่น MG5 บริเวณฝากระโปรงท้าย
ส่วนออปชั่นหลักๆ ที่ให้มา ไฟหน้า LED เปิด-ปิด อัตโนมัติ ไฟสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน ไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่สาม LED
การตกแต่งภายในเน้นโทนสีดำตัดด้วยสีแดง เบาะหนังฝั่งผู้ขับคนปรับแแบบแมนวล 6 ทิศทาง ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า 4 ทิศทาง พร้อมที่พักแขนด้านหน้า
จอแสดงผลดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว ส่วนจอ Touchscreen ตรงกลางขนาด 10 นิ้ว กระจกไฟฟ้า ลำโพง 6 ดอก
รองรับระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android กุญแจรีโมท ปุ่ม Push Start ล็อคและปลดล็อครถได้ด้วยปุ่มกดที่มือจับ ฝาท้ายเปิดด้วยปุ่มไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล ระบบกรองอากาศ PM 2.5
ฟังก์ชั่นช่วยการขับขี่และความปลอดภัย เช่น
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
- กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ ทำงานอัตโนมัติทั้งช่วยใส่เกียร์ R หรือ เปิดไฟเลี้ยวทั้งซ้าย และขวา เพื่อให้เห็นสภาพแวดล้อมด้านข้าง คลายกังวลสำหรับบางคนที่ไม่ชอบขอบฟุตบาธเมื่อจะจอด หรือ หัวมุมเมื่อจะเลี้ยว
- เบรก ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว
- เบรกมือไฟฟ้า
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง หรือ Auto Vehicle Hold
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
- ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
- ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ เป็นต้น
และจุดเด่นอีกอย่างของเอ็มจี 5 ในตลาดนี้ คือ พวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) ที่สามารถปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับ คือ
- Urban ที่เหมาะกับการขับขี่ในเมือง หรือการหรือขึ้น-ลง เข้าออกที่จอดรถ ที่น้ำหนักเบามือเบาแรง ขับสบาย
- Normal แบบกลางๆ
- Dynamic ถ้าต้องการความรู้สึกระชับ น้ำหนักเพิ่มขึ้น เมื่อขับขี่ทางไกล หรือใช้ความเร็ว ลุยเขาลุยโค้ง ก็เลือกโหมดนี้ครับ
แต่จุดที่ขาดไปนิดก็คือ การปรับตำแหน่งพวงมาลัยที่ทำได้ค่าปรับสูง ต่ำแต่ไม่สามารถเลื่อนเข้าออกได้ ก็ต้องใช้วิธีปรับระยะของเบาะนั่ง และพนักพิงให้เหมาะสม ซึ่งก็พอปรับสักพัก ใช้งานสักพัก ก็เข้าที่เข้าทาง
เครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT