ฟอร์ดรุกไปอีกขั้น ด้วยการเสริมทัพรถกระบะรุ่นย่อยใหม่ล่าสุด นำเสนอ ขุมพลังใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 ยกระดับรถกระบะไปอีกขั้น
เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 บล็อกนี้ฟอร์ดการันตีว่าเป็นเครื่องยนต์ตระกูลเดียวกับ ฟอร์ด เอฟ 150 กระบะรุ่นใหญ่แถวหน้ารุ่นหนึ่งของโลก
เป็นเครื่องยนต์ผลิตที่โรงงานเมืองดาเกนแฮม สหราชอาณาจักร ได้รับความนิยมมายาวนาน มีความเสถียรและทนทาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำลังและแรงบิดมากขึ้น เพื่อการลากจูงและการขับขี่แบบออฟโรด
ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค วี 6 ใหม่นี้ รูปร่างหน้าตาไม่เปลี่ยนจากเดิมมากนัก แต่เครื่องยนต์ชุดใหม่ทำงานร่วมกับระบบเกียร์เดิม เป็นเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบอี–ชิฟเตอร์ ฟอร์ดการันตีว่าดีที่สุดในรถคลาสเดียวกัน (Best in Class)
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นนี้เป็นระบบ เทอร์โบ วี 6 กำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบต่อนาที (Best in Class) แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร (Best in Class) เครื่องยนต์เป็นหัวฉีด Bosch Piezo แรงดันในรางหัวฉีด 2000 บาร์ แรงดันเทอร์โบชาร์จสูงสุด 2.8 บาร์
ฝาสูบอะลูมิเนียม เสื้อสูบรูปตัว V เหล็กหล่อแกรไฟต์ขั้นตอนเดียว กระบอกสูบ 2 แถวจัดวางเข้าหากันไว้ที่ 60 องศา อ่างนํ้ามันเครื่องแบบชิ้นเดียวเป็นการหล่อแรงดันสูงจากอะลูมิเนียม ทำให้มีน้ำหนักเบา แต่ทนทานขึ้น
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ 4A ออลวีลไดรฟ์ (4WD) มีตัวเลือกโหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ (Normal), โหมดประหยัด (Eco), โหมดลากจูง (Tow/Haul), โหมดถนนลื่น (Slippery), โหมดโคลนและหิน (Mud/Ruts) และโหมดทราย (Sand)
ล้ออัลลอย 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ พร้อมยางขนาด 255/55 R20
ระบบไฟส่องสว่างแบบแบ่งโซน (Zone Lighting) ควบคุมการเปิดไฟส่องสว่างภายนอกตัวรถ เมื่อต้องการแสงสว่างในการทำกิจกรรมต่างๆ ในตอนกลางคืน ได้แก่ ไฟหน้า ไฟส่องพื้นจากกระจกข้างรถ ไฟในกระบะท้าย และไฟส่องแผ่นป้ายทะเบียน โดยสามารถเลือกเปิด–ปิดเฉพาะบางโซนหรือทุกโซนพร้อมกันได้ผ่านหน้าจอ SYNC
ช่วงล่าง ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง พร้อมโช้กอัพแบบ โมโนทูบ และระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบซ้อน พร้อมโช้กอัพแบบโมโนทูบ คอม้า (knuckle) อะลูมิเนียม ดิสก์เบรกหน้าและหลัง พร้อมครีบระบายความร้อน ดิฟล็อกหลังแบบไฟฟ้า ล้ออัลลอย 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ พร้อมยางขนาด 255/55 R20
มิติตัวรถ สูง 1,884 มม. กว้าง 1,918 มม. ความยาว 5,370 มม.
อุปกรณ์ภายนอก ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ ระบบป้องกันไฟแยงตา ระบบเปิด–ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED รูปตัว C ไฟตัดหมอก และไฟท้ายแบบแอลอีดี ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ กระจังหน้าพิเศษแบบ ไวลด์แทรค (Wildtrak) สปอร์ตบาร์และราวหลังคา ฝาท้ายแบบผ่อนแรง อีซี่ ลิฟต์ (Easy Lift)
อุปกรณ์ความปลอดภัย ถุงลมนิรภัย 7 จุด ได้แก่คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัยและถุงลมบริเวณหัวเข่า ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและหลัง กล้องมองหลังขณะถอยจอด พร้อมกล้องมองรอบคัน 360 องศา ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ ออโต้ เบรก โฮลด์ (auto brake hold)
เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง ทั้งระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบสต๊อปแอนด์โก (Stop &Go) เครื่องจะดับอัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่งและจะเริ่มทำงานเมื่อปล่อยเบรก เพื่อความประหยัด
มีระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ระบบเปิด–ปิดไฟสูงอัจฉริยะ ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System) ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Alert) ระบบตรวจจับรถในจุดบอดระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด (Blind Spot Information System-BLIS with cross-traffic alert)
กล้องมองรอบคัน 360 องศา ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive Steering Assist)
มีสีภายนอกให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว อาร์กติก ไวต์ สีเทา เมทิเออร์ เกรย์ สีเหลือง ลักซ์ เยลโลว์ สีดำ แอบโซลูท แบล๊ก
เปิดให้จองผ่านออนไลน์บนเว็บไซต์ www.ford.co.th เริ่ม 26 มีนาคม 2567 เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป ในราคา 1,519,000 บาท