สปอร์ตพรีเมียมเอสยูวี ดีไซน์โดดเด่น ฟูลไฮบริด เร่งแรงได้ดั่งใจ ประหยัดน้ำมันเกินคาด ฟังก์ชันครบครัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี (Honda HR-V e:HEV) สร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดได้ไม่น้อยเมื่อเปิดตัวครั้งแรก และมาโดดเด่นยิ่งขึ้นเมื่อเปิดตัวรุ่นที่ 2 ในช่วงปลายปี 2564 ด้วยเทคโนโลยีใหม่ และประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีขึ้น
และวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ฮอนด้า จะเปิดตัว HR-V e:HEV รุ่นปรับโฉมอย่างเป็นทางการ โดยมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดทั้งภายนอก ภายในบางส่วน เพิ่มสีใหม่ และที่สำคัญคือ การปรับราคา ที่ระบุว่าต้องการให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
รวมถึงการเตรียมแคมเปญไว้รองรับช่วงการเปิดตัวครั้งนี้ด้วย
HR-V e:HEV ปรับโฉม จะยังคงมี 3 รุ่นย่อยเหมือนเดิม คือ
- Honda HR-V e:HEV E
- Honda HR-V e:HEV EL
- Honda HR-V e:HEV RS
โดยการแปลี่ยนแปลงของ เอชอาร์-วี ไมเนอร์เชนจ์ ประกอบด้วย
รุ่น EL และ E
ด้านหน้าออกแบบบใหม่ ปรับเปลี่ยนกันชนหน้าและกระจังหน้ารูปทรงใหม่ให้ดูสปอร์ตมากขึ้น ผ่านรูปทรงที่ช่วงปลายกระจังหน้าซ้าย-ขวา เป็นแนวตั้งมากขึ้น จากเดิมจะเป็นแนวเอียงออกด้านนอก
และครั้งนี้ รุ่น e:HEV E กระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ จากเดิมใช้สีดำ
ภายในห้องโดยสาร ออกแบบคอนโซลกลางใหม่ โดยแบ่งพื้นที่ด้านบนและล่าง และมีช่องเก็บของเอนกประสงค์มาให้
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แอดวานซ์ ทัช รองรับแอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ แบบไร้สาย รองรับการสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
จุดเปลี่ยนอีกอย่างคือจอที่เป็นแบบบาง และลอยตัวมากขึ้น จากเดิมที่จะมีพื้นที่ด้านหลังทอดไปบนคอนโซล ที่ลูกค้าบางส่วนก็ไม่ชอบนัก ตั้งแต่ช่วงเปิดตัวครั้งแรก
e:HEV EL เพิ่มออปชั่นความสะดวก ด้วยเบาะนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง จากเดิมเป็นแบบปรับมือ
e:HEV EL เพิ่มที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger)
ทั้ง 2 รุ่น อัปเกรดช่องเชื่อมต่อ USB เป็น 4 ช่อง แบ่งเป็น Type A 1 ช่อง และ Type C 3 ช่อง (ด้านหน้า 1 ช่อง หลัง 2 ช่อง)
แผงบังแดดทั้ง 2 รุ่น พร้อมกระจกหน้าแบบฝาปิด เพิ่มไฟส่องสว่างมาให้
e:HEV E เพิ่มช่องแอร์ด้านหลัง น่าจะถูกอกถูกใจลูกค้าในเมืองร้อนๆ แบบนี้
e:HEV RS
- ทางด้านตัวท็อป e:HEV RS มีการปรับเปลี่ยนหลายอย่างมากกว่ารุ่นเริ่มต้นและรุ่นกลางชัดเจน ทั้งมุมมองด้านหน้าดีไซน์ใหม่ โดยกระจังหน้าจะต่างจากอีก 2 รุ่น ที่เป็นสีเดียวกับตัวรถ แต่ RS เป็นแบบโครเมียม พร้อมสัญลักษณ์ RS เพิ่มความสปอร์ตและพรีเมียม
- ไฟหน้า แบบ Full LED Light Strip ดีไซน์ใหม่ สี smoke
- ระบบไฟหน้า Adaptive Driving Beam (ADB)
- ไฟส่องสว่างด้านข้างเวลาเลี้ยว (Active Cornering Light : ACL) เป็นการใช้แสงจากโคมไฟหน้าที่โคมสามารถปรับทิศทางตามการหมุนพวงมาลัย ไม่ใช่ใช้ไฟติดตั้งไว้ด้านข้างอีกดวง
- ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลายเดิมแต่ปรับสีให่ สีดำ Berlina Black แบบ Diamond Cut
- ไฟท้ายปรับใหม่ เป็นแบบ Full LED Light Strip สี smoke
- เพิ่มเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด
- ภายในออกแบบคอนโซลลางใหม่เหมือนกับอีก 2 รุ่น แต่ RS มีถาดเอนกประสงค์
- เพิ่ม USB เหมือนกับอีก 2 รุ่น รวมถึงปรับจอมอนิเตอร์ใหม่เช่นกัน
งที่เปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่เหมือนกันทั้ง 3 รุ่นคือ จอแสดงข้อมูล TFT 7 นิ้ว โดยหลักๆ ไม่ได้เปลี่ยนอะไร แต่เพิ่มฟังก์ชันจอแสดงไฟเบรกมาให้
อีกอย่างหนึ่งคือ กล้องมองหลังที่ปรับสเปคเพิ่มความละเอียด ทำให้ภาพที่แสดงหน้าจอมีความคมชัดมากขึ้น
สำหรับสีมีทั้งหมด 6 สี และมีสีใหม่ 1 สีคือ
- สีกากีแซนด์ (มุก) มาพร้อมหลังคาสีดำ โดยจะมีให้เลือกเฉพาะรุ่น RS และ EL
- สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) พร้อมหลังคาสีดำ มีเฉพาะใน RS
- สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก)
- สีเทา เมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)
- สีขาวแพลทินัม (มุก)
- สีดำครัลตัล (มุก)
สำหรับราคาจำหน่าย ฮอนด้าจะระบุอย่างเป็นทางการในวันเปิดตัว แต่ก็ยืนยันว่าในเปิดตัว จะมีโครงสร้างระดับราคาพิเศษเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ประกอบด้วย
- Honda HR-V e:HEV E ราคาประมาณ 8.9 แสนบาท ++
- Honda HR-V e:HEV EL ราคาประมาณ 1.0 ล้านบาท ++
- Honda HR-V e:HEV RS ราคาประมาณ 1.1 ล้านบาท ++
ส่วนราคาปัจจุบันของ HR-V e:HEV คือ
- Honda HR-V e:HEV E ราคา 979,000 บาท
- Honda HR-V e:HEV EL ราคา 1,079,000 บาท
- Honda HR-V e:HEV RS ราคา 1,179,000 บาท
ทางด้านเทคเทคนิคไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร โดยฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ขับเคลื่อนด้วยฟูลไฮบริด ทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว มีแรงบิดโดดเด่น 253 นิวตัน-เมตร กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุม (Intelligent Power Unit – IPU) แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน อัตราสิ้นเปลืองสูงสุด 25.6 กม./ลิตร
และก่อนการเปิดตัวช่วงที่ผ่านมา ฮอนด้าเปิดให้ลูกค้าจองสิทธิ ระหว่างวันที่ 10 กันยายน 2567 – วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567
และผู้ที่ตัดสินใจจองรถและรับรถ ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 – 31 ธันวาคม 2567 จะได้รับบัตรเติมน้ำมัน 5,000 บาท
และเตรียมจัดแคมเปญเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสำหรับเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าและครอบครัว Honda Loyalty (คาดว่าดอกเบี้ยจะลดลง 0.3%)
รวมถึงแคมเปญ “Honda Happy Trade-in” ขายรถคันเดิมเพื่อซื้อเอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ รับเพิ่มบัตรน้ำมันสูงสุด 30,000 บาท อีกด้วย