Isuzu ล่าสุดเพิ่งจะเปิดตัวเครื่องยนต์ใหม่ในชื่อ 2.2 Ddi Maxforce ช่วยเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ใช้เดิมที่มีเพียงแค่ 1.9 และ 3.0 ลิตร ได้ทั้งกำลังและความประหยัดมากขึ้นนั่นเอง
Isuzu เปิดตัวเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power เป็นครั้งแรกในโลกเมื่อปี 2015 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของเครื่องยนต์ดีเซลยุคใหม่ของ Isuzu ผ่านมา 9 ปี Isuzu เปิดตัวขุมพลังใหม่ 2.2 Ddi Maxforce ที่ชูความแรงและเร็วขึ้น พร้อมอัตราประหยัดน้ำมันสูงขึ้นกว่าเดิม (เขาเคลมว่าอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 5.6L / 100km) และยังปล่อยคาร์บอนต่ำสุดในรถเซกเมนต์เดียวกัน สำหรับรุ่น D-Max และ MU-X ที่ผ่านการทดสอบมาแล้วกว่า 2.2 ล้าน กม.
Isuzu ถือเป็นผู้นำในด้านขุมพลังดีเซล ที่มียอดขายทั่วโลกมากกว่า 3.3 ล้านคัน ซึ่งแต่เดิมผู้ใช้รถ Isuzu เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตรในประเทศไทย คิดเป็นสัดส่วนรถปิกอัพมากกว่า 80% และรถ PPV 70% เลยทีเดียว ส่วนที่เหลือคือเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ทำให้เห็นว่า ความต้องการของผู้ใช้เครื่องยนต์ดีเซลในรุ่น
- กำลัง 163 แรงม้า (เพิ่มขึ้น 9 แรงม้า) ที่ 3,600 รอบ แรงบิด 400 นิวตันเมตร (เพิ่มขึ้น 50 นิวตันเมตร)
- แรงบิดช่วงออกตัวสูงขึ้น 56% หรือรอบต่ำกำลังเพิ่มขึ้น
- ความกว้าง ช่วงชักกระบอกสูบ 83 x 100 mm
- ประหยัดน้ำมันมากขึ้น 10%
- ลดปล่อยคาร์บอนเหลือ 165 g/km ต่ำสุดในรถเซกเมนต์เดียวกัน
- ระบบหัวฉีดแรงดันสูงกว่า 250 MPa
- เทอร์โบแปรผันควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ E-VGS Turbo
- ห้องเผาไหม้ได้ดีขึ้น High Swirl
- ลูกสูบแรงเสียงทานต่ำพิเศษ Ultra Low Friction
- เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดใหม่ Rev Tonic ส่งกำลังได้ต่อเนื่องอัตราทดในเกียร์ต่ำจะสูงขึ้น เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลมากขึ้น
- อัตราทดเฟืองท้ายใหม่ แตกต่างกันไปในรถ Isuzu แต่ละรุ่น เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน
- ปรับปรุง 5C ได้แก่ ฝาสูบ เสื้อสูบ ก้านสูบ เพลาข้อเหวี่ยง และลูกสูบ
เริ่มต้นยังมีมาก แต่ก็มีบางส่วนที่อยากได้กำลังเครื่องสูงขึ้นอีกหน่อย ทำให้ตัวเลือก 2.2 (รหัส RZ4F) ที่กำลังแรงและเร็วขึ้น พร้อม ๆ กับการประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้นจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ในประเทศไทย